Hertz แบกต้นทุนไม่ไหว ขายรถ EV กลับไปใช้รถน้ำมัน
Hertz ผู้ให้บริการรถยนต์เช่า สัญชาติสวีเดน ที่มีการลงทุนธุรกิจให้บริการเช่ารถไปหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ประกาศขายรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 20,000 คัน ออกจากสต๊อกยานพาหนะของตัวเองในสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของรถเช่า
เนื่องจากแบกต้นทุนจากค่าซ่อมแซมรถเมื่อได้รับความเสียหาย จากการเกิดอุบัติเหตุ สูงกว่าค่าซ่อมรถยนต์สัปดาปถึงสองเท่า
Forbes Thailand รายงานว่า ผู้บริหารเผย รถยนต์ไฟฟ้าส่งผลร้ายต่อการเงินของ Hertz เพราะแม้ว่าค่าบำรุงรักษาจะต่ำกว่า แต่ค่าซ่อมแซมเมื่อได้รับความเสียหายและค่าเสื่อมราคากลับสูงกว่า
Hertz ประมาณการว่าต้องแบกรับภาระขาดทุนราว 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับค่าเสื่อมสภาพรถ EV โดยตัวเลขเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 12,250 เหรียญ ตามที่ทางบริษัทเผยในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
และแม้ว่า Hertz จะไม่ได้ชี้เฉพาะไปที่ใคร แต่ดูเหมือนว่า Tesla คือตัวการสำคัญ
รถ EV ในครอบครองของ Hertz เกือบ 80% มาจาก Tesla ซึ่งในบรรดารถยนต์ของ Hertz ทั้งหมด มีรถ EV ประมาณ 11% เมื่อ Tesla หั่นราคารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองลง ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นก็ดำเนินรอยตาม พอพวกเขาลดราคารถยนต์มือหนึ่งจึงสะเทือนไปยังตลาดรถยนต์ใช้แล้วที่กำลังขายรถรุ่นเดียวกัน ก่อให้เกิดการเสื่อมราคาอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ให้บริการเช่ารถอย่าง Hertz ที่ต้องขายรถยนต์ใช้แล้วจำนวนมาก ค่าเสื่อมราคานับเป็นผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อธุรกิจ และเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกรุ่นรถมาปล่อยเช่า
ผู้บริหาร Hertz วิเคราะห์ว่า ในฐานะที่ Tesla ค่อนข้างจะเป็นบริษัทหน้าใหม่ อะไหล่รถยนต์ของพวกเขาจึงมีตัวเลือกทดแทนไม่มากนัก เช่นเดียวกับจำนวนช่างซ่อมรถผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ค่าซ่อมรถมีราคาแพงและยังเสียเวลาซ่อมนานอีกต่างหาก
ที่มา Forbes Thailand , workpointtoday